สวัสดีค่ะ ขอแนะนำตัวเองนิดนึง ชื่อ วิกกี้ นะคะ
วันนี้จะมารีวิว เล่าประสบการณ์การทำตาสองชั้นกับคุณหมอธฤต คลินิกดอกเตอร์ทริดค่ะ
เรียกว่าเป็นการทำศัลยกรรมครั้งแรกในชีวิตเลยค่ะ กล้าๆ กลัวๆ อยู่นานมากก
แต่ยังไงก็ตั้งใจมากๆ ว่าอยากจะทำค่ะ เพราะก่อนที่จะทำเนี่ย ตาเล็กมาก
คือมองเผินๆ มันก็เหมือนจะหมวยๆ ดี แต่จริงๆแล้วเวลาแต่งหน้าลำบากมากค่ะ แบบจะกรีดอายไลเนอร์แต่ละที ต้องกรีดหนามาก กรีดแล้วมันก็หายไปกับชั้นตาที่หลบในหมด แต่งหน้าทีเสียเวลาแล้วก็เปลืองอายไลเนอร์มากค่ะ 555
แถมยิ่งนานก็แอบรู้สึกว่าหนังตามันจะยิ่งหย่อนลงมาค่ะ เวลาถ่ายรูป บางทีก็เหมือนตาปรือๆ ไม่ค่อยมั่นใจน่ะค่ะ
อันนี้เป็นรูปเราก่อนทำตาค่ะพยายามทำตาโตสุดแล้ว ได้เท่านี้ค่ะ 555
ก็จริงๆแล้ว เราเป็นคนกรุงเทพฯค่ะ เคยไปปรึกษามาหลายคลินิกเหมือนกัน คือตอนแรกสุดที่คิดจะทำเนี่ย ตอนนั้นยังเป็นนักศึกษาอยู่เลย (บอกแล้วว่าคิดมานานมาก 55 ) ตอนนั้นก็เลยไปดูตามโปรโมชั่นที่คิดว่าน่าจะจ่ายไหวก่อน
แต่คนก็ทักกันเยอะค่ะ ว่าทำตาเนี่ยสำคัญนะ เพราะมันคือการกรีดแล้วตัดหนังตาออกบางส่วนใช่มั้ยคะ ถ้าทำไม่ดีแล้ว มันอาจจะแย่ถาวรไปเลย ไม่เหมือนการทำจมูก ใส่ซิลิโคน ที่มันถอดออกได้
เราก็เลยพยายามจะหาคลินิกที่เป็นหมอเฉพาะทางค่ะ หาข้อมูลมาว่าต้องเป็นหมอศัลยกรรมตกแต่ง นะ
นี่ก็เคยไปปรึกษาที่นึงในกรุงเทพฯนะคะ เป็นอาจารย์หมอด้วย แต่แบบ.. ยังไงล่ะ เหมือนว่าอาจารย์เค้าจะดุๆไงก็ไม่รู้ แล้วก็แพงกว่ากันเยอะด้วย เลยลังเลอยู่พักนึงค่ะ
ก็พอดีมีพี่ที่รู้จักเค้าแนะนำคุณหมอธฤตให้ค่ะ บอกว่าเป็นหมอเฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่งนะ จบศิริราช มีหลายคนมาทำก็สวย ธรรมชาติ ไม่ได้ชั้นใหญ่เว่อร์ แถมราคาก็ไม่แพงเมื่อเทียบกับคลินิกเฉพาะทางที่อื่นๆ นี่ก็ติดว่าต้องเดินทางมาไกลหน่อย แต่ตอนนั้นก็เชื่อพี่เค้าเลยตัดสินใจมาค่ะ
มาเจอคุณหมอครั้งแรก คุณหมอใจดีมากค่ะ คือเราเป็นคนกังวลอยู่แล้วก็เลยถามเยอะ แต่คุณหมอก็อธิบายทุกอย่าง ตอนแรกดูว่าคุณหมอดูหนุ่มกว่าที่คิด แต่ก็คุณหมอให้ปรึกษา แนะนำอย่างละเอียด เลยรู้สึกดีค่ะ
(จริงๆวันนั้นที่ไป คนไข้รอเยอะมากค่ะ แต่ถึงเราจะถามเยอะ คุณหมอก็ไม่เร่ง ค่อยๆอธิบายให้เราสบายใจค่ะ)
ทีนี้ก็ถึงวันที่นัดผ่าตัดแล้วค่ะ ตื่นเต้นมากๆๆๆๆๆ
มาถึง เค้าก็ให้เราเตรียมตัวก่อนผ่าตัด คุณหมอจะคุยกับเราอีกทีก่อน (สงสัยจะอยากให้เราสงบ) แล้วก็ถ่ายรูปก่อนทำ เจ้าหน้าที่ก็จะให้เรากินยา อธิบายวิธีดูแลตัวเองหลังผ่าตัด แล้วก็พาไปล้างหน้า แต่งตัวขึ้นห้องผ่าตัด
ห้องผ่าตัดเป็นห้องออกโล่งๆค่ะ มีเตียงผ่าตัดอยู่ตรงกลาง เวลาผ่าตัดจะมีคุณหมอและผู้ช่วยอีก 2-3 คน
ตอนแรกก็กลัวมากค่ะ แต่เวลาที่คุณหมอจะทำอะไร คุณหมอจะบอกขั้นตอนตลอด เราก็เลยไม่ลนมาก
ตอนที่คิดว่าจะเจ็บก็คือตอนที่ฉีดยาชาค่ะ ตอนนั้นเกร็งตัวแน่นเลย แต่ก็ปรากฏว่าเจ็บน้อยกว่าที่คิดค่ะ
(ตรงนี้คุณหมอบอกว่า ที่สำคัญ คือต้องนิ่งๆไว้ค่ะ ก็เลยพยายามข่มใจเต็มที่ค่ะ 55)
หลังจากนั้นก็ไม่เจ็บแล้วค่ะ เพียงแต่มันจะร้อนๆที่ตา แล้วก็เห็นเป็นแสงๆจากไฟผ่าตัด บางทีก็จะรู้สึกตึงๆ ให้ตกใจบ้าง แต่ตอนที่ผ่าตัดก็พยายามจะนิ่งๆ ภาวนาไว้ค่ะ คิดในใจว่าเพื่อความสวย 555
เวลาที่อยู่บนห้องผ่าตัดจริงๆ น่าจะซัก 45 นาทีนะคะ คือรวมๆวันนั้นมาที่คลินิก ใช้เวลาไปชั่วโมงกว่าๆก็ได้กลับบ้านค่ะ
หลังทำ คลินิกก็ให้เจลประคบเย็นเรากลับมาบ้าน บอกว่าต้องคอยประคบไว้
วันที่กลับมา พอยาชาหมดฤทธิ์ ก็มีปวดหนึบๆนะคะ แต่ก็กินยาแล้วก็พยายามพัก พอวันที่สองก็ไม่ค่อยปวดแล้วค่ะ
ตอนที่ทำไปใหม่ๆ ชั้นตามันจะโตๆหน่อย มันดูบวมๆ ดูหน้าตัวเองก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกัน แต่ไม่มีรอยช้ำอะไรนะคะ
เราพักประคบเย็นอยู่ 2-3 วัน แต่ก็ทำโน่นนี่ได้ปกติค่ะ
ระหว่างนั้น ถ้าไม่สบายใจอะไร ก็ไลน์กับส่งรูปไปคุยกับทางคลินิกได้ตลอด ช่วยให้สบายใจขึ้นมากค่ะ
แล้วพอครบสัปดาห์คุณหมอก็นัดไปตัดไหม ซึ่งพอตัดไหมแล้ว ก็เริ่มเห็นแววสวยแล้วค่ะ 55
คือจู่ๆกลายเป็นคนตาโตขึ้นมา ถึงชั้นตามันยังดูใหญ่ๆอยู่ แต่คุณหมอก็บอกว่าเดี๋ยวมันก็จะยุบแล้วเข้าที่ขึ้น
อันนี้เป็นรูปหลังทำได้ประมาณ 1 เดือนค่ะ ชั้นตายังใหญ่นิดๆ ค่ะ
ซึ่งก็จริงอย่างที่คุณหมอบอกไว้ค่ะ เพราะพอชั้นตายุบลงมาเข้าที่ ก็กลายเป็นคนตาสองชั้น เหมือนชั้นตาธรรมชาติไปเลย
ซึ่งชอบมากค่ะ เพราะดูไม่หลอก ชั้นตาไม่ใหญ่เว่อร์ แล้วก็แต่งหน้าง่ายขึ้นมากก กรีดตาไป คือเห็นอายไลเนอร์ทั้งเส้น คมเป๊ะ ตื่นตาตื่นใจมากค่ะ 555 ตอนนี้รู้สึกมั่นใจกับตาขึ้นมากค่ะ ถ่ายรูปไม่ต้องเบิ่งตาแล้วไม่ต้องง้อเทปตาสองชั้นด้วยค่ะ
อันนี้เป็นรูปหลังทำได้ 6 เดือนค่ะ เหมือนคนตาสองชั้นมาตั้งแต่เกิด^^
รู้สึกดีมากค่ะที่ได้ทำตามา เพราะมั่นใจขึ้นเยอะ แล้วก็ขอบคุณคุณหมอธฤต และพี่ๆที่คลินิกดอกเตอร์ทริดมากค่ะ
นี่มีคนมาถามเยอะมากค่ะ ว่าไปทำตาที่ไหนมา ^^